นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ทุกประเภทเดือน เม.ย. 66 อยู่ที่ 117,636 คัน ลดลง 0.13% เทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีวันหยุดมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตไว้ล่วงหน้า ขณะที่การผลิต 4 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 66 ) อยู่ที่ 625,423 คัน เพิ่มขึ้น 4.61% เป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 66 ตั้งไว้ที่ 1.95 ล้านคัน จึงค่อนข้างกังวล แต่คาดหวังว่า ครึ่งปีหลังเมื่อจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย จะทำให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะสถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อการเช่าซื้อรถยนต์ได้มากขึ้น
สำหรับการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศรวมเดือน เม.ย. 66 อยู่ที่ 59,530 คัน ลดลง 6.14% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 4 เดือนปีนี้ ยอดจำหน่ายอยู่ที่ 276,603 คัน ลดลง 6.11% เทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน โดยปัจจัยที่ทำให้ยอดจำหน่ายลดลง เพราะการปล่อยสินเชื่อ หรือไฟแนนซ์ให้กับรถยนต์มีความเข้มงวดอย่างมาก พบว่า ประชาชนบางส่วนมีการค้างชำระหนี้มือถือ ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงทำให้กดดันการค้างชำระหนี้ที่สูงตามไปด้วย ดังนั้น เป้าหมายการผลิตเพื่อจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่วางไว้ 900,000 คัน ต้องหวังการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศจากรัฐบาลใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เม.ย. 66 อยู่ที่ 79,940 คัน เพิ่มขึ้น 43.53% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสัดส่วนที่เพิ่มสูงมาจากฐานต่ำของปีที่แล้ว เนื่องจากขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนจนต้องล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ขณะที่ส่งออก 4 เดือนปีนี้อยู่ที่ 353,632 คัน เพิ่มขึ้น 18.34% ทำให้เป้าหมายการผลิตเพื่อส่งออกปี 66 ที่ 105,000 คัน มั่นใจว่า จะถึงเป้าหมาย โดยกลุ่มยานยนต์ยังคงเป้าหมายการผลิต การจำหน่ายและส่งออกปี 2566 ไว้เช่นเดิมเพราะคาดหวังรัฐบาลใหม่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมไปถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะไม่ปรับขึ้นเช่นกันก็จะช่วยในเรื่องของการส่งออกและยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น
“นโยบายของรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งที่มีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำราว 450 บาทต่อวันว่า ผู้ประกอบการรถยนต์ไม่ได้กังวลเนื่องจากค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้วแต่ยังห่วงผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และผู้ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์จากวัตถุดิบ ที่เป็นผู้ผลิตเอสเอ็มอี ที่เป็นเทียร์ 2-3 จะมีผลกระทบต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก็จะส่งผ่านให้กับผู้ผลิตรถยนต์ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นได้เช่นกันจึงต้องติดตามในเรื่องนี้ว่าจะเป็นอย่างไร”คำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร
นอกจากนี้ในส่วนของนโยบายการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ หรืออีวี 3.5 ที่ยังไม่ได้มีการอนุมัติจาก ครม. เพราะเกิดยุบสภาก่อน จึงต้องรอรัฐบาลใหม่มาสานต่อ คาดหวังว่า จะเข้ามาเร่งให้เกิดความต่อเนื่องเพราะมาตรการเดิมที่สนับสนุนนั้นได้สิ้นสุดระยะเวลาปี 66 และมาตรการส่งเสริมชุดใหม่นั้นจะมีความต่อเนื่องไปถึงปี 68 โดยเฉพาะการสนับสนุนเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท ซื้อรถราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และการลดภาษีสรรพสามิตต่างๆ